เคล็ดความสำเร็จ 2007

ปี 2007 จะเป็นปีแห่งความยากลำบากเป็นแน่แท้

รัฐบาลและคมช.เผชิญศึกนอกและศึกในรุมกระหน่ำรอบด้าน

ความขัดแย้งภายในหมู่ผู้มีอำนาจปะทุออกมาให้เห็นอยู่เนืองๆ

ขณะเดียวกันมาตรการหลายอย่างที่ออกในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ช่วยให้ก่อให้เกิดความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ยังไม่ต้องพูดถึงพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ที่ทำให้ต่างด้าวที่เป็นนอมินีต้องเน้นปรับโครงสร้างการลงทุนขนานใหญ่

ในด้านการเมืองนั้น ความขัดแย้งภายในกันเอง คลื่นใต้น้ำจากอำนาจเก่า กลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ ตลอดจนการเดินเกมในต่างประเทศของทักษิณ ทำให้ดูเหมือนบ้านเมืองไม่สงบ

ก็จะสงบได้ไงในเมื่อปีใหม่มีเหตุลอบวางระเบิดกลางเมือง 8 จุด

สถานการณ์เช่นนี้ ภาคธุรกิจเหนื่อยสุด เพราะพยากรณ์อะไรไม่ได้เลย จึงไม่แปลกที่หันไปหาหมอดูกันเยอะเหลือเกิน

สภาพเช่นนี้ ผมจึงนำเฟ้นหา “เคล็ดความสำเร็จ 2007” จากนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ(ถอดความ) โดยตั้งคำถามว่า “ถ้าจะประสบความสำเร็จในปีนี้ ต้องทำอย่างไร”

ซิกเว่ เบรกเก้ ตอบว่า “ คน คน และคน เท่านั้น”

สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล ตอบว่า “ความเรียบง่าย ความเร็ว ความยืดหยุ่น”

ตัน โออิชิ รายละเอียดอาจแตกต่างกว่าสรรค์ชัย ทว่าหัวข้อคล้ายๆกัน

อ.ไพบูลย์ สำราญภูติ ชี้ไปที่ปัจจัยทางการเมือง

ขณะที่วิเชียร เมฆตระการ บอกว่า “ร่วมแรง ร่วมใจให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุด
ขยันมากขึ้น ใช้จ่ายอย่างประหยัด อดทน อดกลั้น ในทุกสภาวะที่บีบคั้น แล้วในที่สุด ความสำเร็จจะเป็นของเรา”

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ คงยังเคืองไม่หายชี้ว่า “อย่าอยากได้ของที่ไม่ใช่ของของเรา”

ในด้านต่างประเทศนั้น ผู้บริหารกูเกิ้ลเน้นความเรียบง่าย

ขณะที่ริชาร์ด แบรนสัน แนะว่า “ปฏิเสธให้เป็น”

ส่วนโดนัล ทรัมพ์ ฟันธงว่า “อย่าหมกมุ่นกับปัญหา ให้หาคำตอบ”

ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบล คนล่าสุด บอกว่า “when you’re trying to solve a problem, always bring it back to the simplest formulation.”

เจ้าของ Starbucks บอกให้กล้าที่จะเป็น SOCIAL ENTREPRENEUR

ยังมีผู้นำและนักธุรกิจอีกมากมายที่แนะให้คำแนะนำที่พลาดไม่ได้

ถ้าไม่อยากเหนื่อยในปีนี้

Published in: on September 8, 2007 at 11:08 pm  Comments (22)  

The URI to TrackBack this entry is: https://thaicoon.wordpress.com/2007/09/08/%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%94%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%88-2007/trackback/

RSS feed for comments on this post.

22 CommentsLeave a comment

  1. หาข้อมูลให้เพียงพอ และกล้าที่จะเสี่ยง ถ้าไม่ใช่ ก้ลองหาทางใหม่ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ

  2. เหนื่อยจริงๆสำหรับปี2007 ยอดตกกว่า70% ทำให้ต้องหาของใกล้ตัว เพื่อหาทางทำเงินในห้วงวิกฤตเช่นนี้

    ภาพรวมของปัญหาเราควรรู้แต่ไม่ควรจมอยู่กับมัน เราควรมองสิ่งรอบๆตัวที่พอจะจับให้เป็นเงินได้ ซึ่งเราอาจคาดไม่ถึง

    สติ + ปัญญา แถม อึด…….อย่ายอมแพ้ แล้วเราจะเดินฝ่ามันไปได้

  3. ยังมีตัวอย่างที่จะประสบความสำเร็จต้อง

    “เจ้านายรัก ลูกน้องบูชา เพื่อนฝูงเสน่หาจะได้มาต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ขยัน

    อดทน สามัคคี ไร้ริษยา บริหารเวลาเป็น” บัญชา ล่ำซำ ถือวาเป็นคุณสมบัติ

    ของผู้ที่จะประสบความสำเร็จ

    “ความประมาท ความหลงตัวเอง อาจนำไปสู่ความพินาศ

    การกระทำสิ่งใดโดยขาดความระมัดระวัง

    และคิดว่าตนเองเก่งเหนือผู้อื่นเสมอ

    อาจนำมาซึ่งความล้มเหลว

    แต่หากกระทำสิ่งใดด้วยความรอบครอบ

    และอ่อนน้อม ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จ” ดร.เทียม โชควัฒนา

    “ความคิดสร้างสรรค์ (Creativite)

    รสนิยม (Taste)ที่ผ่านชิ้นงานออกมา เช่นการเลือกกระดาษที่จะพิมพ์

    จดหมาย

    ความทุ่มเท (Devotion)” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ

    “1.เทคโนโลยี

    2.คน มาผนวกกับ เทคโนโลยี=การบริการที่พัฒนา

    3.ยี่ห้อเดียวกันลูกค้าในตลาดได้ครบทุกอย่างที่ต้องการ (One Brand

    for All Products)” บัณฑูร ล่ำซำ

  4. ความอดทน ขยัน และมองหาโอกาส น่าจะช่วยได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้ง ความพอเพียง และมีสติ จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันเป็น ทำใจยอมรับ แต่อยากจะถามอะไรได้หรือเปล่า ระหว่างมุ่งมันที่จะเชื่อตัวเองกับการที่เชื่อหมอดู เราควรจะเชื่ออย่างไรดีกว่ากัน ถ้าใครเป็นเจ้าของกิจการช่วยตอบด้วยนะครับ

  5. เอเยนซี – นักเคมีเตรียมพัฒนาวิธีเผาน้ำทะเลให้กลายเป็นไฟด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ที่นักวิจัยโรคมะเร็งค้นพบโดยบังเอิญ ที่สำคัญก่อนหน้าไม่มีใครคาดคิดว่า “น้ำทะเล” จะสามารถเผาออกมาเป็นเปลวไฟได้อย่างเทียนไข นักวิจัยสหรัฐฯ ฝันหวานผันพลังงานจากมหาสมุทรมาใช้แบบไม่มีวันหมด

    จอห์น คันเซียส (John Kanzius) นักวิจัยด้านโรคมะเร็งในเคาน์ตีอีรี เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา สามารถทำให้น้ำทะเลในหลอดทดลองติดไฟได้เช่นเดียวกับเทียนไขโดยบังเอิญระหว่างพยายามแยกเกลือออกจากน้ำทะเล ด้วยเครื่องให้กำเนิดความถี่วิทยุ เพื่อนำไปใช้บำบัดโรคมะเร็ง อีกทั้งพบว่ายิ่งให้ความถี่เข้าไปในน้ำทะเลนานเท่าไหร่ น้ำเค็มก็ยิ่งถูกเผาพลาญมากขึ้นเท่านั้น การค้นพบดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นให้แก่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้คาดหวังที่จะใช้น้ำเค็มซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่มหาศาลบนโลกเป็นพลังงานใหม่

    การค้นพบดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นให้เหล่านักวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะพวกเขาคาดหวังที่จะใช้น้ำเค็มซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่มหาศาลบนโลกเป็นแหล่งพลังงานใหม่ เพราะน้ำเป็นทั้งพลังงานสะอาดและหมุนเวียนใช้ได้แทบไม่มีวันหมด

    “การค้นพบครั้งนี้เป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวิทยาศาสตร์ทางด้านน้ำในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว” ความเห็นของรัสทัม รอย (Rustum Roy) นักเคมีจากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตท (Penn State University) ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ ทั้งนี้เขาได้พิสูจน์เรื่องดังกล่าวภายในห้องปฏฺบัติการสเตทคอลเลจ (State College) เพื่อยืนยันด้วยตัวเอง เนื่องจากมีคนเตือนเขาว่าการค้นพบดังกล่าวอาจเป็นแค่เรื่องหลอกลวงโดยอาจจะมีการใส่ขั้วไฟฟ้าเข้าไปเพื่อเป็นตัวจุดประจุไฟ

    รอยอธิบายว่าความถี่วิทยุได้ทำให้พันธะระหว่างธาตุที่ประกอบขึ้นเป็นน้ำทะเลนั้นอ่อนลงและปลดปล่อยไฮโดรเจนออกมา และไฮโดรเจนจะถูกเผานานเท่าที่ธาตุดังกล่าวได้รับความถี่ โดยความร้อนของเปลวไฟที่วัดได้สูงถึง 1,650 องศาเซลเซียสนั้นมากเพียงพอสำหรับขับเคลื่อนรถยนต์หรือเครื่องจักรหนัก

    “สิ่งนี้ (น้ำทะเล) มีอยู่เหลือเฟือที่สุดในโลก มีอยู่ในทุกที่ ได้เห็นการเผาไหม้ (ของน้ำทะเล) ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือก” รอยกล่าวถึงความรู้สึกตื่นเต้นต่อสิ่งที่ค้นพบ โดยเขาจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ในกระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เพื่อขอรับทุนวิจัย

    ทั้งนี้ ระหว่างการทดลอง เขาพบว่าสารละลายต่างๆ ที่อยู่ในน้ำทะเล และความเข้มข้นของน้ำทะเลที่ต่างกันก็ให้ผลอุณหภูมิที่แตกต่างกันด้วย

    “เราจะนำความคิดของเรา (แนวคิดในการวิจัยของรอย และคันเซียส) มารวมกัน และตรวจสอบว่าวิธีนี้จะไปนำเราไปที่ไหน ศักยภาพมีสูงมาก” รอยกล่าว

  6. ตอบ คุณเด็กตลาดหลังเขา

    เชื่อหมอดู หมายถึงรู้จังหวะ จับอารมณ์ของเศรษฐกิจ เพราะต้องนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ก่อนจะตัดสินใจ

    เชื่อตัวเองมันต้องมีเป็นพื้นฐาน ถ้ามาถึงระดับหนึ่งได้แล้วแสดงว่าความมั่นใจ จังหวะฝีมือต้องพอมีแล้วหละ

    สำคัญสุดคือความไม่ประมาท

    คือเชื่อมันทั้งสองอย่าง เก็บเป็นข้อมูลนำมาวิเคราะห์ ก่อนตัดสินใจลงมือทำอย่างไม่ประมาท แต่ตอนนี้ wait & see ก่อนดีกว่า

  7. เรียนอาจารย์ สอบถามเรื่องหนังสือแปล ชื่อ
    A course in miracles มีแปล ไหมครับ ใครแปลครับ
    สนพ. ไหนครับ
    ขอ Files กลยุทธ์การขยายตาด ด้วยครับ
    ขอบคุณครับ

  8. No man/woman is worth your tears and the only one who is, will never make you cry.
    ไม่มีชายหรือหญิงคนไหนมีค่า พอที่คุณจะต้องเสียน้ำตาให้ ส่วนคนที่มีค่าพอนั้น เขาย่อมที่จะไม่มีวันทำ ให้คุณร้องไห้อย่างเด็ดขาด

    If you love someone, put their name in a circle, instead of a heart,
    because hearts can break, but circles go on forever.

    ถ้าคุณรักใครสักคน จงเอาเขาไว้รอบตัวคุณแทนที่จะใส่เขาไว้ในใจ เพราะหัวใจสามารถแตกสลายได้ แต่ถ้าเขาอยู่รอบตัวคุณ เขาจะอยู่กับคุณตลอดไป

    Everyone hears what you say. Friends listen to what you say.
    Best friends listen to what you don’t say.
    ทุกคนได้ยินสิ่งที่ท่านพูด เพื่อนทั่วๆไปจะรับฟังในสิ่งที่ท่านพูด แต่เพื่อนแท้จะรับฟังความรู้สึกที่ท่านไม่เอ่ยมันออกมา

    If all my friends were to jump off a bridge, I wouldn’t jump with them, I’d be at the bottom to catch them.
    ถ้าเพื่อนของทั้งหมดของข้าพเจ้าพร้อมใจกัน กระโดด ลงมาจากสะพาน ข้าพเจ้าจะไม่โดดตามพวกเขาไป แต่ข้าพเจ้าจะยอม รออยู่ที่ก้นเหวเพื่อที่จะรับพวกเขา

    Don’t frown, because you never know who’s falling in love with your smile!
    อย่าทำหน้าบูดบึ้ง เพราะว่าท่านจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีใครกำลังชื่นชม รอยยิ้มของท่านอยู่

    If you judge people, you have no time to love them.
    ถ้าท่านมัวแต่คิดตัดสินผู้อื่น ท่านก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรักและ เข้าใจพวกเขา

    Be kind, for everyone you meet is fighting a harder battle.
    จงมีจิตใจที่ดีต่อผู้อื่น เพราะว่าทุกคนที่ท่านพบกำลัง ต่อสู้กับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ กว่าที่ท่านกำลังประสบอยู่

    It may take only a minute to like someone, only an hour to have a crush on someone and only a day to love someone but it will take a lifetime to forget someone.
    มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน เพียงชั่วโมงที่จะนึกรักใครสักคน และเพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน แต่มันจะ ใช้เวลาชั่วชีวิตของท่านที่จะลืมคนคนนั้น

    Enthusiasm is contagious. You might cause an outbreak and affect many.
    ความกระตือรือร้นนั้นติดต่อกันได้ โดยที่ท่านอาจสามารถแพร่มันออกไปและส่งผลกระทบ ให้อีกหลายคนกระตือรือร้นตามท่านได้

    Yesterday is the history, tomorrow is a mystery. Today is a gift,
    that is why it is called the present.
    เมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้คือปริศนา แต่วันนี้ คือสิ่งที่ท่านมี
    นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเรียกปัจจุบันนี้ว่าของขวัญ

    Dance like nobody’s watching, and love like it’s never goanna hurt.
    ปล่อยตัวเต้นรำให้สนุกสนานเหมือนไม่มีใครจ้อง และจงรักเหมือนว่ามันจะไม่นำความเจ็บปวดมาให้

  9. ขอขอบคุณ คุณ Thodzakhan มากค่ะที่นำคำพูดประโยคดีๆมาเล่าสู่กันฟัง

    ชอบอยู่หลายๆประโยค เช่น

    -Everyone hears what you say.

    -If all my friends were to jump off a bridge,

    -If you judge people,

    -Be kind, for everyone

    -Enthusiasm is contagious.

    -Yesterday is the history, tomorrow is a mystery,

  10. Tomorrow Never Comes, it’s today today and today only

    Just do it, Keep Walking,…….

  11. ‘Simplicity’ seems to be the most outstanding issue at the moment. Why is that?
    As the world moves forward, could simplicity actually get along with ‘raplexity’?
    The simpler for the customer, the more complicated for the organization.

  12. The Complication of Organization is seem to be come from Individual Perception & Any Human Resource action.

    Customer Requirement is Infinity, we have to filter, prioritize and clearify our people to do and improve in the appropriated approaches.

    So we have to adjust our organization ‘s paradigm,

  13. ก็เห็นว่า ช่วงนี้เงียบเหงาเหลือเกินครับ

    ไม่ค่อยมี ไรใหม่ๆจากคุณพี่ธัญ

    กลัวว่าคนที่เข้ามาดูจะเหงา อ้างว้าง เปลี่ยวเปล่า

    จะพาลไม่แวะเวียนมาซะเปล่าๆ

    ก็หา เรื่องราว ไว้ให้อ่านกันแก้เบื่อครับ

  14. แวะมาอ่านครับ อาจารย์

  15. ช่วงนี้ท่าทางคุณ พี่ธัญงานเยอะ

    เลยไม่มีเวลามา up file

  16. สุดยอดยากเลยครับ ศก.ชะงักกันหมดเลยครับ
    ทำที่ถนัด ทำที่ชอบ ทำในสิ่งที่พร้อม และทำตามกำลัง

  17. อยากอ่านอะไรใหม่ อีก ตั้งอาทิตย์กว่าแล้ว สงสัยคุณธันยวัชร งอนไปแล้ว

  18. อยากให้คุยเรื่อง หนูดี (วนิษา เรซ) โดยเฉพาะโรงเรียนของเขา และโฆษณากาแฟ ธนาคาร นะคะ Low Cost Airline พอก่อนนะ (เป็นรายการข่าว)และขาดไม่ได้ เสียงหัวเราะของคุณธัณยวัชกับคุณอาทิตย์ ฝากบอกอาจารย์สมภพ และ อาจารย์เรวัติ ชอบฟัง2ท่านมากเช่นกันคะ จะรอฟังทางวิทยุคะ

  19. เอา มาให้อ่านอีกเรื่องครับ เรื่องราวของ นิสสัน

    แต่คราวครั้งนี้ เป็น เนวาร่าครับ

  20. เอาเรื่องของการลงโทษ มาแปะครับ

    ท่านธัญ ไม่มาสักที

    วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จากระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความ หวาดหวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ

    พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน พ่อกลับนั่งลง หยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้ แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง

    พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า “ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ”

    ต่อไปนี้ ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้ มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อ เหมือนกัน

    ว้าว… ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ?

    นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า… อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ

    ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวัน เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า เดี๋ยว ผมเทเองก็ได้ นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน และอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ และได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม) แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าว ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง) รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้ว แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว

    สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่ นาฬิกาเรือนละแสน หรือเนคไทเส้นละหลายๆพัน แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง เฝ้ารัก เฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก แล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า

    ได้อ่านบทความนี้แล้ว มีรู้สึกดี ๆ เลยนำมาให้อ่านกัน หากใครเคยอ่านแล้วก็ไม่เป็นไรนะ หากครั้งนี้ลองอ่านดูอีกครั้งแล้วพินิจด้วยใจ บางครั้ง….เราอาจเคยตั้งคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่า มนุษย์เรา …เกิดมาเพื่ออะไร บทความนี้อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ…ก็เป็นได้ ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ทุกท่าน

  21. ได้อ่านเรื่องที่คุณ Thodzakhan นำมาแปะ ต้องขอบอกเลยว่าขอบคุณมากๆๆๆๆคะ เพราะว่าดิฉันคือคุณแม่ที่มีลูกสาววัย 1ขวบ 2 เดือน กับลูกชายวัย 10 ขวบที่แสนซนและติดเกมออนลายคะทุกๆวัน ดิฉันมีการลงโทษเขาทั้งคู่เสมอ ดว้ยการมอบอิสระภาพของตัวเองให้เขาทั้งคู่หมดเลยคะ เพราะเขาทั้งสองคือชีวิตนั้นเอง

  22. This is a great tip especially to those new to the blogosphere.

    Short but very precise information… Thanks for sharing this one.
    A must read article!


Leave a reply to Thodzakhan Cancel reply