Zara สำเร็จได้อย่างไร

“ZARA” ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ประสบความสำเร็จมาก

แบรนด์ดังๆ ของโลก มักจะเป็นแบรนด์ ดีไซน์เนอร์

ซึ่งเกิดจากการที่มีดีไซน์เนอร์คนนึง กำหนดแบบ กำหนดเทรนด์ออกไป แล้วทำเสื้อผ้าออกขาย…

แต่ซาร่าไม่ได้ทำเช่นนั้น

ซาร่าไม่ได้เป็นต้นกำเนิดในการคิดค้นรูปแบบเสื้อผ้าอะไรเลย

เขาอาศัยดูว่าตามแคทวอล์กมีเสื้อผ้ายี่ห้อไหน เดินบ้าง มีแบบใหม่ๆ อะไรน่าสนใจบ้าง…

ดึงแบบตรงนั้นออกมา แล้วก็นำออกสู่ตลาดให้เร็วที่สุด

อันนี้คือไอเดียหลักของซาร่า ที่เอารูปแบบเสื้อผ้าที่คนนิยม

…แปลงออกสู่ตลาดให้เร็วที่สุด

บ่อเกิดความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในการทำธุรกิจนั้นมีอยู่ 2 บ่อเกิด

หนึ่ง…เรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าให้เร็วกว่าคู่แข่ง

สอง…นำสิ่งที่เรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้านั้นมาลงสู่ภาคปฏิบัติให้เร็วกว่าคู่แข่ง

และนี่ก็คือเคล็ดลับของ “ZARA”

“ZARA” เป็นแบรนด์ของสเปน

พูดถึงเสื้อผ้า เราคิดถึงฝรั่งเศส คิดถึงอิตาลี แต่ไม่มีใครคิดถึงสเปน

เพราะฉะนั้นการที่ ซาร่าประสบความสำเร็จได้ทั้งๆ ที่เป็นแบรนด์จากสเปน แสดงว่าต้นสังกัดของประเทศไม่มีความสำคัญอีกต่อไป

ประเทศไทยก็สามารถที่จะเป็นเมืองแฟชั่นได้ แต่ไม่ใช่ไปขึ้นรถบุปชาติ แล้วก็กระโดดโลดเต้นอยู่บนรถสิบล้อ

…อย่างนั้นเกิดไม่ได้

การที่ซาร่าจากประเทศสเปนประสบความสำเร็จมาก มันก็ได้บ่งบอกว่า แบรนด์จากประเทศไหนนั้นไม่สำคัญแล้ว

คุณจะอยู่ประเทศไหนก็ตามแต่ หากว่าคุณมีโมเดล หรือรูปแบบการทำธุรกิจที่ดี

คุณอาจจะประสบความสำเร็จได้

ซาร่า เป็นแบรนด์ของสเปน ซึ่งแต่เดิมธุรกิจของซาร่าเป็นธุรกิจที่ทำด้านสิ่งทออยู่แล้ว แต่เขาคิดค้นวิธีให้แบรนด์ซาร่ามีรูปแบบทางธุรกิจที่ต่างจากสิ่งทอที่เขาเคยทำมา

เขามองว่า จริงๆ แล้วคนอยากได้เสื้อผ้าที่มีดีไซน์ แต่ว่าใส่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

…โจทย์ของเขาก็เลยเป็นการมองหาแรงบันดาลใจที่ได้จากเสื้อผ้าจากดีไซน์เนอร์ต่างๆ ที่เดินบทแคทวอล์ก
แล้วแปลงออกมาในรูปแบบที่ผู้คนต้องการ

ในเวลาที่รวดเร็วที่สุด..

ในราคาที่ทุกคนซื้อได้…

ลักษณะเช่นนี้อาจเรียกว่าเป็น Fast Fashion ก็ได้…

นั่นคือจากขั้นตอนแรกตั้งแต่การออกแบบ มาจนถึงวางขายในร้านนั้น ใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์

ในขณะที่อุตสาหกรรมแฟชั่นโดยปกตินั้น ต้องใช้เวลา 8 สัปดาห์ ซึ่งใช้เวลามากกว่าซาร่าถึง 4 เท่า

ถ้าจะให้เห็นกระบวนการของซาร่านั้น เราจะเริ่มเห็นได้จากทีมของเขา ซึ่งมีทีมออกแบบอยู่จำนวนมากที่สำนักงานใหญ่
จากนั้นก็มีทีมงานไปสังเกตที่งานแคทวอล์กใหญ่ๆ

เมื่อเขาได้ไอเดียมาก็จะปรึกษากับผู้จัดการสาขาของร้านค้าปลีกของซาร่า ซึ่งเขาจะรู้ว่าแบบไหนขายดี แบบไหนขายไม่ดี
และก็ตัดสินใจร่วมกันว่าจะผลิตแบบใดขึ้นมา

ต่อจากนั้นก็เริ่มผลิตต้นแบบด้วยคอมพิวเตอร์ในเวลาอันรวดเร็ว แล้วก็จะกระจายแบบออกไปตามเครือข่ายการผลิตซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในประเทศสเปน

และก็ส่งกลับเข้ามาเพื่อพะยี่ห้อลงไปเป็นรายละเอียดสุดท้าย ก่อนที่จะมีการกระจายเสื้อผ้าออกจากศูนย์การกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ขั้นตอนแรกจวบจนกระบวนการสุดท้ายนั้นเพียง 15 วันเท่านั้นเอง
ซาร่าจะไม่ใช้วิธีการโฆษณา

งบประมาณในการทำการตลาดของซาร่านั้นส่วนใหญ่จะลงไปที่การหาทำเลของร้านค้าที่ดีที่สุดในย่านแฟชั่นของประเทศต่างๆ และก็จ่ายไปตรงนั้น

และตกแต่งร้านค้าอย่างดี เพื่อให้เกิดการตลาดแบบ “ปากต่อปาก” ขึ้นเอง

ลักษณะแบบของสินค้า “ซาร่า” นั้นจะเหมือนกับสินค้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

ซึ่งราคาสินค้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกนั้น คนเดินดินคงจะหาซื้อได้ลำบาก

ซาร่าก็ไปแกะแบบพวกนั้นมาแล้วปรับเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านลิขสิทธิ์
คนอื่นก็จะ outsourcing ไปที่จีน

แต่ซาร่าไม่ทำ เพราะคิดว่าหากทำแบบนั้นจะมีปัญหาด้าน Logistic
มีปัญหาเรื่องของการจัดส่ง

เขาจึงกระจายแต่เพียงในสเปน ให้นักออกแบบในสเปนทำ

ในโลกของอุตสาหกรรมแฟชั่นนั้น “ความเร็ว” ในการออกตัวสินค้าเป็นปัจจัยตัวหนึ่งในการกำหนดความสำเร็จ

สินค้าแฟชั่นของแบรนด์ชั้นนำของโลกต้องใช้เวลา 2 เดือนซึ่งถือว่าช้ามาก

เพราะฉะนั้นหากเราจะไปแข่งกับแบรนด์ชั้นนำเหล่านี้เราต้อง…

…ทำให้เร็วกว่า

…ทำให้ถูกกว่า

แบรนด์ระดับโลกนั้นอาจจะใส่เดินถนนไมได้ แต่ว่าแบรนด์ ซาร่าสามารถที่จะใส่เดินถนนได้

เพราะฉะนั้นแบรนด์ “ซาร่า” ซึ่งเป็นแบรนด์อะไรก็ไม่รู้สามารถ “เกิด” ขึ้นมาได้เลย

zara-brand.pdf

ปล. มีบทความอีกชิ้นเกี่ยวแบรนด์ Zara เป็น PDF File load เอาได้เลยครับ ที่เป็นเส้นเขียวๆที่เขียนว่า zara brand pdf นี่แหละครับ

Published in: on May 21, 2007 at 10:35 am  Comments (16)  

The URI to TrackBack this entry is: https://thaicoon.wordpress.com/2007/05/21/zara-%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%88%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a3/trackback/

RSS feed for comments on this post.

16 CommentsLeave a comment

  1. เอ คุณธันยวัชร์ ถ้าอย่างนี้ ระดับ รมต. ของเราอย่างเจ้ากระทรวงพานิชย์ ต่างประเทศ น่าจะเป็นนักการตลาดกันบ้างนาครับ ไม่งั้นทำอะไรแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกันมาโดยตลอด ตอนจัดตั้งรัฐบาลชุดที่แล้วรู้สึกจะเห็นเขาก็ทาบทาม ดร.เสรี ไปร่วมเป็นที่ปรึกษาไม่ใช่หรือครับ ทำไมเขาไม่ใช้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติกันบ้าง

    เรื่องความเร็วของแฟชั่นของเราก็ใช่ย่อยนาครับ ผมว่า สเปนก็สเปนเถอะ ดูร้านที่รับตัดสูทรแถวสุขุมวิทนี่ เขารับออเดอร์แล้วส่งต่อให้ร้านห้องแถว แทบตรอกจันทร์ที่เขาทำกัน 24 ขม. วันสองวันก็ตัดเสร็จรับของได้แล้ว นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก ถึงมีชาร์จเพิ่มงานด่วนก็ยังถูกกว่าไปซื้อที่บ้านเขาแยะมาก

  2. ทำแบบนี้ก็สามารถขายสินค้าได้ทั่วโลกใช่มั้ยครับ โดยอาศัยหลักการของการ ทำให้เร็วและถูก
    Model นี้สามารถใช้ได้กับทุกธุรกิจหรือไม่ครับ

  3. ผมคิดว่าตอนนี้ตลาดเสื่อผ้าบ้านเรา ก็ทำเช่นเดียวกันนะครับ คือดูแบบจากแคตวอล์กมาแปลง ให้เป็น mass มากขึ้น เพียงแต่กลุ่มเป้าหมายยังเป็นกลุ่มคนไทย ตัวอย่างเช่น ร้านเสื้อผ้าที่ แพลตตินั่ม ประตูน้ำ ก็มีดีไซน์ไม่แพ้ใครนะครับ ผมเข้าใจว่าที่ไม่ได้ทำเป็นแบรนด์ขนาดแบบ zara อาจเป็นเรื่องข้อจำกัดของทรัพยากร เช่น ภาษา เงินทุน องค์ความรู้ในการบุกตลาดเมืองนอก หรืออาจไม่ได้ฟัง 96.5 ก็ได้ครับ 🙂 ทำให้ส่วนมากวางตลาดในประเทศไทยอย่างเดียว

  4. ซาร่า ไม่ใช่นักร้อง หรือว่า ยาแก้ปวด อ่านแล้วนี่ถ้าไทยหรือสยามทำได้ แบบนี้มันง่ายนิดเดียว ดูจากรูปลักษณ์แล้ว เราทำได้ดีกว่า ลองไปดู ตามร้าน xl ซิ
    อยากได้ files ของ starbuck ช่วยกรุณา ส่งให้ด้วยนะครับ คุณ อาทิตย์
    anurak_n@yahoo.com ขอบคุณ

  5. จิวยี่ ผู้เกรียงไกรในแดนกังตั๋ง

    เรื่องราวของขุนศึกหนุ่มหน้าตาดีมีชาติตระกูลคนนี้ แฟนสามก๊กหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะถูกต่อเสริมเติมแต่งให้มีสีสันมากขึ้นจากความเป็นจริงในประวัติศาสตร์

    เป็นสีสันที่ไปส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของขงเบ้งโดดเด่นขึ้นตามความต้องการของหลอกว้านจงผู้แต่งสามก๊กเล่มที่คนนิยมอ่านมากที่สุด เพราะจิวยี่ในนวนิยายอิงพงศาวดารของหลอกว้านจงนั้น เป็นคู่ปรับตัวเอ้ของขงเบ้ง และแข่งบารมีทีไร จิวยี่เป็นรองทุกที จนแม้กระทั่งตอนจะตาย ยังตายด้วยความแค้นที่เสียรู้ขงเบ้งจนถึงกับแหงนหน้าดูฟ้าแล้วเอื้อนเอ่ยวาจาตัดพ้อชะตาชีวิตว่า “เทพยดาองค์ใดหนอซึ่งให้เราเกิดมาแล้ว เหตุใดจึงให้ขงเบ้งเกิดมาด้วยเล่า” ก่อนกระอักเลือดตายด้วยความแค้น

    แต่ว่าฉากนี้ไม่มีปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์หรอกนะ

    จิวยี่ในบันทึกประวัติศาสตร์ตายเพราะอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กำเริบ

    และชื่อเสียงความเก่งกาจปราดเปรื่องของจิวยี่นั้นก็เป็นที่กล่าวขวัญ ทั้งตัวเขาก็มีบทบาทสำคัญยิ่งในฐานะของขุนพลหนุ่มแห่งง่อก๊ก
    จิวยี่มีชื่อรองว่ากงจิน เป็นคนอำเภอซู มลฑลอันฮุย

    เขาเกิดปีพ.ศ. 718 ปีเดียวกันกับซุนเซ็กซึ่งเป็นเพื่อนรักที่ชอบพอกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ในสามก๊กบอกลักษณะของจิวยี่ว่ามีรูปร่างงามสง่า มีจิตใจกว้างขวาง มีความรู้ความสามารถในทางทหาร ในขณะที่ก็เชี่ยวชาญด้านดนตรี และรักเดียวใจเดียว

    จิวยี่สนิทกับซุนเซ็กมาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ฐานะของครอบครัวดีทำให้คุณชายน้อยของตระกูลเช่นจิวยี่สามารถเชิญอาจารย์มาสอนสรรพวิชาต่างๆ ให้ที่บ้าน ไม่ต้องดั้นด้นไปเรียนที่ไหนไกล

    ตรงนี้มีเกร็ดสามก๊กเล่าเป็นนิทานชาวบ้านว่า ซุนเซ็ก ซึ่งก็เป็นคุณชายน้อยคนฉลาดเช่นกันนั้นพยายามเฟ้นหาอาจารย์ดีๆ เก่งๆ มาสอน เปลี่ยนครูคนแล้วคนเล่าก็ไม่ได้ครูที่เก่งถูกใจเสียที

    เห็นจิวยี่เรียนกับอาจารย์คนเดียวไม่เคยเปลี่ยน ซุนเซ็กก็เกิดคิดจะไปเรียนด้วยเพราะอยากรู้นักว่าครูของจิวยี่นั้นเก่งขนาดไหน

    แต่อาจารย์ของจิวยี่ดูออกว่าซุนเซ็กมีความยโสจะมาลองดี จึงบอกปัดว่าไม่รับศิษย์ 2 คน ซุนเซ็กจึงขอเป็นเด็กรับใช้คอยติดตามอาจารย์แทน

    วันหนึ่งอาจารย์ ลูกศิษย์คือจิวยี่และเด็กรับใช้คือซุนเซ็กไปเดินเล่น ผ่านต้นไม้ต้นหนึ่งมีผลสุกน่ากิน อาจารย์จึงสั่งให้เด็กรับใช้ไปเก็บมา โดยมีข้อแม้ว่า “ห้ามปีนต้นไม้ขึ้นไปเก็บ เดี๋ยวเสื้อจะเปื้อน และห้ามใช้ไม้สอย เพราะลูกไม้ตกลงมาก็ช้ำหมดพอดี”

    ซุนเซ็กคิดแล้วคิดอีกถึงวิธีเก็บลูกไม้นั้นให้ได้ตามเงื่อนไข คิดเท่าไรคิดไม่ออก จิวยี่จึงขออาสาเป็นผู้เก็บลูกไม้นั้นให้อาจารย์เอง

    ว่าแล้วจิวยี่ก็แก้สายรัดเอวออกเหวี่ยงขึ้นไปพันกิ่งไม้ แล้วก็โน้มกิ่งลงมาจนเก็บลูกไม้ได้สบายๆ

    ซุนเซ็กถึงกับทึ่งในสติปัญญาของเพื่อนและยอมรับในตัวอาจารย์

    กาลต่อมา ทั้งสองคนคือซุนเซ็กกับจิวยี่ก็ร่วมปณิธานช่วยกันสานสร้างกังตั๋งจนเป็นที่เลื่องลือ และต่างก็ได้รับฉายาเป็นทำนองเชิดชูทั้งคู่โดยซุนเซ็กได้รับฉายาว่า “พยัคฆ์น้อยผู้ยิ่งใหญ่”

    ส่วนจิวยี่ได้รับฉายาว่า “สิงห์สำอางแห่งกองทัพเรือ”

    ในเรื่องสามก๊ก จิวยี่เป็นกำลังสำคัญของก๊กง่อ ทั้งเก่ง ทั้งงามสง่า มีบุคลิกเป็นที่น่าชื่นชม และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการบัญชาการรบเพื่อสร้างความรุ่งเรืองและทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ง่อก๊กจนเรียกได้ว่าทุ่มเททั้งชีวิตให้เลยทีเดียว จึงไม่แปลกเลยที่ชาวกังตั๋งจะมองว่าเขาเป็นวีรบุรุษ

    อย่างไรก็ดี แม้จิวยี่จะเป็นแม่ทัพผู้กรำศึก ต้องจับอาวุธฆ่าฟันศัตรูมากมาย แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต จิวยี่รักและมีความสามารถในดนตรียิ่งนัก

    เชี่ยวชาญถึงขนาดที่ว่า แม้กำลังเมามาย เมื่อได้ยินนักดนตรีบรรเลงเพลงผิดเพียงนิด ก็สามารถทักท้วงได้ทันที

    ทั้งยังมีความเป็นศิลปิน จับท่วงทำนองของสายน้ำฉางเจียงมาแต่งเป็นเพลงฉางเหอ (ครวญสายธาร)จนเป็นที่เลื่องลืออีกด้วย

    เรียกว่าเป็นวีรบุรุษที่เก่งรอบด้านจริงๆ

    แล้วคุณล่ะ ต้องการเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจเช่นจิวยี่หรือไม่?

  6. ฟังคุณธันยวัชร์กับคุณอาทิตย์พูดเรื่องการมองโลกในเชิงบวก เลยอยากแสดงความคิดเห็นด้วยคนค่ะ
    คุณอาทิตย์ลึกๆแล้วคุณเป็นคนมองโลกในแง่บวกอยู่แล้วแต่อาจจะเพราะสภาวะแวดล้อม และมีบุคคลรอบข้างคอยเตือนให้มองในแง่ลบบ้าง ยอมรับเถอะคะการมองโลกในแง่ลบไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่การที่มองโลกในแง่ลบไม่เป็นนี่ซิตัวร้าย
    ทุกๆคนเกิดมาพร้อมกับการมองโลกในแง่บวก แต่จะลดลงเรื่อยๆตามสภาวะแวดล้อมและประสบการณ์ จนกระทั่งในบางคนอาจจะติดลบมากๆเลยก็ได้
    จริงอย่างที่พวกคุณว่า การมองโลกในแง่บวกหรือลบนั้นสามารถฝึกฝนกันได้ แต่ดิฉันอยากเสริมนิดนึงคะว่า เราจำเป็นที่จะต้องมองได้ทั้งสองมุม
    มองบวก เพื่อสร้างกำลังใจ สร้างพลัง สร้างความคิดใหม่ๆ
    มองลบเพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นได้
    แต่เหนือสิ่งอื่นใดหัวใจของการมองนั้นอยู่ที่ความเป็นกลาง ตรงนี้สิยากมองอย่างไรให้เป็นกลาง คือการมองอย่างไม่มีตัวตน ไม่มีตัวของเราอยู่ในสิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันนำความคิดนี้มาจากหนังสือ “ตัวกู ของกู” ของท่าน พุทธทาส
    มีคำกล่าวนึงว่า “จะจับโจร ต้องคิได้อย่างโจร” ในสังคมเรานี้ มีทั่งคนดีและเลว คิดบวกเพื่อเข้าใจคนดี คิดลบเพื่อดักคนเลวให้ทัน ในธุรกิจก็คงเช่นกันคิดให้ได้ว่าคู่แข่งจะเล่นเรายังไงได้บ้าง (มองลบ) แล้วนำจุดนั้นมา (มองบวก) หาวิธีป้องกัน และเพิ่มศักยภาพ
    สุดท้ายนี้ขอเรียนถามว่า วันเกิด เดือนเกิด ปีเกิด สามารถนำมาใช้ประกอบกับคู่มืออ่านคนได้ซักกี่%คะ ปกติแล้วดิฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ศาสตร์ด้านนี้ไม่อาจลบหลู่

  7. http://www.aishop.biz/smf/index.php?topic=25.0

    การโหลดคลิปรายการวิทยุจาก MCOT

    หลายท่านคงเคยฟังรายการวิทยุย้อนหลังผ่านเว็บ โดยเฉพาะรายการ Business Connection ซึ่งตอนนี้ได้ยกเลิกช่วง Re-Run ไปแล้ว แต่ไม่เป็นเราครับ เราสามารถโหลดมาบันทึกใส่แผ่น CD หรือเครื่องเล่น MP3 ไว้ฟังเองที่บ้านก็ได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ

    ลองตาม link ด้ายบนไปนะครับ

    ผมกะว่าจะ Load เก็บไว้เรื่อยๆ

    ถ้ามีเวลาว่างจะตัด โฆษณาออก

    แล้วจะลองจัดหมวดหมู่เป็น ชุดๆอ่ะครับ

    แต่ไม่รู้ว่าการวางแปลนนี้จะสำเร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่

    นี่ถ้าพวก เทปผีซีดีเถื่อนรู้ว่า

    มีแฟนรายการจำนวนมากที่อยากได้

    ไฟล์เสียงรายการ คงรีบตัดต่อแล้วปั๊มขายแน่

    เอ หรือนี่คือหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่อยู่ในทะเลสีคราม

    อิ อิ

  8. สมมติว่าผมจะเปิดบริษัททำน้ำอัดลม จะทำยังไงให้น้ำอัดลมผมเป็นที่ชื่นชอบและ แบรนด์ได้รับความนิยมพอจะไดส่วนแบ่งทางตลาดมั่งครับ เพราะว่าถ้าพูดถึงน้ำอัดลมคนส่วนมากก็ต้องนึกถึงโคกหรือแปบซี่ แบรนด์เกิดใหม่ของผมยากที่จะเกิดได้เลย

    pg560211@hotmail.com พรีเมี่ยมลีสด้วยครับ

  9. สงสัยต้องลองนำโมเดลของซาร่ามาปรับใช้กับธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในของตนเองบ้างแล้วล่ะครับ

  10. แต่ในความคิดของเรา เราคิดว่าเป็นการขโมยความคิด และไอเดียของคนอื่นอะ รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ

  11. … ก็ต่อยอดไงคะ มันไม่ใช่การเลียนแบบ การcopyมาทั้งหมดเลยก็น่าละอายอยู่ แต่การต่อยอดจากกรณีศึกษา สร้างความแตกต่างที่เหนือกว่ามันคือนวัตรกรรม
    การนำมาปรับใช้ในองค์กร เพิ่มบางอย่าง ลดบางอย่าง ไม่น่าอายหรอดค่ะ

    ( และขึ้นอยู่กับเจตนาด้วย ว่าเรามีเจตนาที่จะพัตนา หรือฉวยโอกาส วันนี้ไม่รู้พรุ่งนี้ก็ต้องรู้ การกระทำส่อถึงเจตนา)

  12. อยากให้คุณธัญวัชร์แนะนำ IDEA ที่สามารถจะนำไปใช้กับการบริหารงานด้านการออกแบบตกแต่งภายในด้วยครับ รวมไปถึงงานเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยครับ
    เพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างมั่นคง แต่ชอบแนวคิดของ ZARA band ครับ

    ปล. ขอบคุณครับ……………

  13. สำหรับในประเทศไทย ซาร่าไม่เกิดแน่นอน เพราะมันไม่ใช่ดีไซน์สำหรับคนไทย ทำเลร้านก็อยู่ในห้างPremium คุณภาพสินค้าก็ห่วยมากๆ เมื่อเทียบกับราคาขายในไทย แถมยังประทับแหล่งผลิต สินค้าคุณภาพต่ำให้คนซื้อได้เห็นอีก อย่าไปเลียนแบบเลยครับ จบ

  14. อยากสมักคงาน creative maketing เพราะชอบ maketing ถ้าเกี่ยวกับแฟชั่นยิ่งชอบเพราะเป็นชอบfashion

  15. Ïðèâåò.! Ñ Íîâûì 2008 ÃÎÄÎÌ.!

  16. Good day! This is my first visit to your blog!

    We are a

    group of volunteers and starting a new project in a community in the same niche.

    Your blog

    provided us valuable information to work on. You have done a

    wonderful job!


Leave a reply to im30d Cancel reply